วันอาทิตย์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2553

บรรณารักษ์หายไปไหน..


ผู้เขียน คืออาจารย์ฉวีวรรณ คูหาภินัันทน์ มหาวิทยาลัยราชภัฎสมเด็จเจ้าพระยา เนื้อหาแม้จะต่อว่ากรายๆ กับนโยบายของภาครัฐที่ไม่ส่งเสริมการอ่าน และห้องสมุดอย่างจริงจัง โดยเฉพาะรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการที่จะกำหนดให้นโยบายการอ่านเป็นวาระแห่งชาติ และมีนโยบายให้โรงเรียนทุกระดับดำเนินโครงการห้องสมุด 3 ดี ประกอบด้วย ” หนังสือดี บรรยากาศดี และบรรณารักษ์ดี” แต่ถ้าขาดมาตรการที่ส่งเสริมให้สามารถดำเนินการได้อย่างเป็นระบบ เหมือนประเทศสิงคโปร์ ก็ยากที่จะทำให้คนไทยมีนิสัยรักการอ่าน และที่สำคัญผู้เขียนได้สะท้อนความสำคัญของบรรณารักษ์ที่จะเป็นผู้ส่งเสริมสนับสนุนให้เด็กรักการอ่าน ซึ่งนอกจากการขาดแคลนเนื่องมาจากการไม่สามารถเติบโตในสายงานบริหาร แล้ว บรรณารักษ์ยังเป็นวิชาชีพที่ไม่มีผู้เลือกเรียน หลายมหาวิทยาลัยได้ปิดการเรียนการสอน หรือประสิทธิภาพการเรียนการสอนบรรณารักษ์ที่กำหนดให้เรียนภาษาอังกฤษลดลง ทำใ้หบรรณารักษ์มีทักษะทางภาษาอังกฤษต่ำลงด้วย ส่งผลให้บรรณารักษ์ในโรงเรียนนานาชาติขาดแคลนต้องนำเข้าจากฟิลิปปินส์ ดิฉันอ่านบทความแล้วค่อนข้างจะเห็นด้วยกับผู้เขียนเรื่องการปรับหลักสูตรการเรียนการสอนบรรณารักษ์สูตร 4+1 คือเรียนหลักสูตรใดก็ได้ 4 ปี และมาเรียนบรรณารักษ์เพิ่มอีก 1 ปี ซึ่งตามความคิดของดิฉันเห็นว่าสมาคมห้องสมุดแห่งประเทศไทยน่าจะเข้ามามีบทบาทต่อหลักสูตร 1 ปีนี้ นั้นหมายถึงผู้ที่จะประกอบวิชาชีพบรรณารักษ์จำเป็นต้องได้ประกาศจากสมาคมห้องสมุดแห่งประเทศไทย เช่นเดียวกับหลาย ๆ วิชาชีพ โดยผู้ที่เป็นบรรณารักษ์อยู่ก่อนหน้าวันประกาศจะสามารถขอใบประกาศได้ เป็นต้น คงจะทำให้บรรณารักษ์ไม่หายไป กลายเป็นผู้ที่ไม่รู้เรื่องพลังห้องสมุด ไม่รู้เรื่องการส่งเสริมการอ่าน มาทำหน้าที่ในห้องสมุดแทน น่าเสียดาย หนังสือดี บรรยากาศดี …………..

อ่านบทความhttp://www.matichon.co.th/matichon/login.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น